The Hunt for Gollum 2 (2026) เปิดฉากด้วยภาพที่ชวนขนลุกของมิดเดิลเอิร์ธ (Middle-earth) ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก พร้อมเสียงบรรยายของแกนดัล์ฟ (Ian McKellen) ที่เตือนถึงความมืดมิดครั้งใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นในดินแดนที่อยู่เลยมอร์ดอร์ (Mordor) ออกไป “สิ่งมีชีวิตตัวนั้นอันตรายยิ่งกว่าเดิม…เราต้องหาให้พบ” แกนดัล์ฟกล่าวอย่างน่ากลัว ซึ่งหมายถึงกอลลัมที่หายตัวไปตั้งแต่เหตุการณ์ในภาคแรก
กล้องเคลื่อนมาที่อารากอร์น (Viggo Mortensen) ซึ่งตอนนี้ดูแก่ขึ้นและผ่านการต่อสู้อย่างโชกโชน เขาได้รับมอบหมายภารกิจในการตามหากอลลัมอีกครั้ง ตัวอย่างเผยถึงการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ผ่านดินแดนใหม่ในมิดเดิลเอิร์ธ โดยอารากอร์นร่วมมือกับเลโกลัส (Orlando Bloom) และกิมลี (John Rhys-Davies) ออกเดินทางเพื่อจับตัวกอลลัมก่อนที่เขาจะตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี การเดิมพันครั้งนี้สูงยิ่งขึ้นเมื่อมีข่าวลือถึงภัยคุกคามใหม่ – พลังมืดที่ต้องการใช้ความรู้ของกอลลัมเกี่ยวกับแหวนเอก (One Ring) เพื่อจุดประสงค์ชั่วร้าย
ตัวอย่างสร้างความตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยภาพของกอลลัม (Andy Serkis) ที่กำลังวิ่งผ่านป่าทึบ ความหลงใหลในแหวนเอกทำให้เขาคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม บุคลิกสองด้านของกอลลัม (Smeagol และ Gollum) ขัดแย้งกันอย่างชัดเจนในภาคนี้ เขากำลังต่อสู้ระหว่างการหนีเอาชีวิตรอดและการกลับไปหา “ของรักของข้า”
ตัวอย่างยังเผยฉากไล่ล่าที่เข้มข้น ขณะที่อารากอร์นและทีมของเขาต้องฝ่าภูมิประเทศสุดอันตราย ตั้งแต่ภูเขาสูงตระหง่านไปจนถึงถ้ำลึก เพื่อตามล่ากอลลัมอย่างไม่ลดละ
จากนั้นโทนเรื่องเปลี่ยนไปเมื่อมีการเปิดตัววายร้ายลึกลับ – พ่อมดจากดินแดนตะวันออก รับบทโดย Richard Armitage ที่ต้องการตัวกอลลัมเพื่อแผนการชั่วร้ายของเขา ฉากต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่กำลังใกล้เข้ามา เมื่ออารากอร์นและพรรคพวกต้องเผชิญหน้ากับศัตรูรายใหม่นี้ ซึ่งอนาคตของมิดเดิลเอิร์ธกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ฉากสุดท้ายเผยให้เห็นกอลลัมที่แอบซ่อนอยู่ในเงามืด ดวงตาของเขาเป็นประกาย ขณะที่เขาพูดกับตัวเองว่า “ไม่มีใครจะแย่งมันไปจากเราได้…ไม่มีใคร” ตัวอย่างจบลงด้วยชื่อภาพยนตร์ The Hunt for Gollum 2 และคำโปรยว่า “การล่ายังดำเนินต่อไป แต่เวลาใกล้หมดลงแล้ว”